การลองเสี่ยงเปลี่ยนตามกระแสโลกาภิวัตน์ หันมาจับแนว “โอเพ่นเวิลด์” ครั้งแรกของตำนานเกมแอ็คชั่นฟันดะสูตรต้นตำรับ ที่ไปๆมาๆอาจกลายเป็นสุสานฝังศพแฟรนไชส์

หลังจากที่เห็นบรรดาค่ายเกมสายเลือดซามูไรต่างๆรายรอบกาย ได้หยิบนำเอารูปแบบ “โอเพ่นเวิลด์” ของฝั่งตะวันตก มาประเดิมลองใช้กับเกมซีรีส์ดังของตน จนประสบความสำเร็จกันไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Metal Gear Solid V The Phantom Pain, Xenoblade Chronicles X, Final Fantasy XV รวมถึง The Legend of Zelda : Breath of the Wild จึงไม่น่าแปลกที่ทาง Koei Tecmo อีกหนึ่งค่ายเกมร่วมผืนแผ่นดิน จะนึกวาดฝันไปไกลขอลองเสี่ยงทำตามดูบ้าง เพื่อเป็นการปฏิวัติ และมอบความสดใหม่ให้กับแฟรนไชส์ “สามก๊กมุโซว” ที่วิวัฒนาการหยุดแช่แน่นิ่งมาเนิ่นนาน แม้ว่างานที่รออยู่เบื้องหน้าจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์ เกินขีดกำลังความสามารถของตน ก็ตาม

สำหรับโหมดสตอรี่แคมเปญของเกม Dynasty Warriors 9 หรือในชื่อเรียกภาษาญี่ปุ่น Shin Sangoku Musou 8 นั้น จะเป็นการหยิบนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ อ้างอิงตามวรรณกรรมประวัติศาสตร์ “สามก๊ก” ซึ่งตัวละครหลักๆก็จะวนเวียนมาแต่หน้าเดิมๆที่แฟนๆคุ้นเคยกันดี โดยเนื้อหาจะถูกแบ่งแยกแตกต่างกันไปตามแต่ละก๊ก ก๊กใครก๊กมัน เริ่มแรกเราจะเลือกบังคับได้แค่เฉพาะตัวละครหัวหน้าก๊ก ส่วนตัวละครที่เหลืออื่นๆภายในก๊ก จะค่อยๆทยอยถูกปลดล็อคออกมาให้ได้ใช้กันเมื่อเล่นเคลียร์ไปเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่มันเป็นเกม โอเพ่นเวิลด์ เนื้อหายิงยาวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีฉากเมนู

นอกจากแม็พแผนที่ที่ถูกอัพเกรดให้ใหญ่ขึ้นแล้ว ระบบแอ็คชั่นการต่อสู้ภายในเกม ยังได้รับการปรับปรุงแก้ไขใหม่เช่นเดียวกัน โดยภาคนี้ทางทีมงานได้มีการแยกปุ่มกดท่าโจมตีพิเศษ ออกไปจาก 4 ปุ่มแอ็คชั่นพื้นฐานปกติ ในกรณีที่ต้องการใช้งาน เพียงแค่กดปุ่ม R1 เพื่อดึงเมนูท่าพิเศษขึ้นมา แล้วเลือกกดใช้ตามต้องการ อีกทั้งเมื่อศัตรูเตรียมโจมตี บริเวณเหนือหัวของมันจะปรากฏสัญลักษณ์รูปปุ่มสามเหลี่ยมเตือน ซึ่งหากกดตรงจังหวะ ตัวละครจะโจมตีกลับอย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ให้เสียคอมโบที่สะสมมา

ถึงแม้ดูเหมือนกับเกม “โอเพ่นเวิลด์” ทั่วไปที่ผู้เล่นมีอิสระในการเลือกรับเควสต์ภารกิจ ปีนป่ายหอคอยเพื่อเปิดแม็พ มีระบบสภาพอากาศแบบไดนามิก ฝนตกแดดออก และวันเวลาหมุนเวียนกลางวัน-กลางคืนแบบเรียลไทม์ แต่ถ้าใครลองสัมผัสจริงๆ จะรู้สึกได้ถึงความแปลกในองค์ประกอบต่างๆ ภายใน เหมือนทีมผู้พัฒนาแอบไปจดจำเราแล้วมาลองเลียนแบบ ยกตัวอย่าง “ม้า” ที่เป็นยานพาหนะหลักของเกมที่พบเห็นอยู่มากมายตามฉาก แต่ไม่สามารถขึ้นไปขี่ได้, การเดินทางข้ามแม่น้ำด้วยเรือที่ล็อคเส้นทางเป้าหมายเอาไว้เสร็จสรรพ ไม่ให้เสรีภาพในการควบคุมการสำรวจหางเสือเอง, ฉากหลังสภาพแวดล้อมรายรอบที่โล่งเตียน เห็นแต่ต้นไม้และบ้านเมืองที่ถูกใช้ซ้ำซาก รวมถึงกองทัพ AI ของศัตรูหรือฝูงสัตว์ป่าที่ยืนเฉยเป็นเป้าหมายไม่มีวิญญาณที่จะช่วยเราฝึกฝนเหมือนกระสอบทราย และแอ็คชั่นการเคลื่อนไหวของตัวละครที่แข็งแกร่งตามสไตล์ซีรีส์มุโซวอีกด้วย มันจึงเป็นประสบการณ์ที่เราอยากลองดึงแผ่นเกมออกมาเล่นอีกแล้วครับ ยิ่งกว่าเดิม

สำหรับแฟนๆสามก๊กที่คาดหวังว่าภาพกราฟิกจะสวยและน่าอิ่มตามากบนเครื่อง PS4 การเล่นเกมนี้อาจทำให้คุณตกใจและสูญเสียความเชื่อมั่นในค่าย Koei Tecmo ไปอีกนาน เพราะถึงแม้ใบหน้าและผิวของตัวละครที่ยืนโพสต์อยู่นิ่งๆอาจดูโอเคเนียนตาในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเราเลื่อนก้านอนาล็อคซ้ายเพื่อให้ตัวละครเคลื่อนไหว ความสวยงามทุกอย่างก็จะพังล้มหมดไป เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับอัตราเฟรมเรตที่ร่วงลงอย่างมาก โดยเฉพาะในฉากที่มีจำนวนยูนิตศัตรูมากมายปรากฏพร้อมกัน แม้ว่าเราจะเลือกปรับเป็นโหมด Action Mode เน้นเฟรมเรตมากกว่าภาพ ตามที่ตัวเกมแนะนำ ก็ไม่ช่วยเหลืออะไร หรือแม้แต่ถ้าตัดใจย้ายมาเล่นบนเครื่อง “เพลย์สเตชัน 4 โปร” แล้วก็ยังเป็นงานที่ยากลำบากที่จะรักษาเฟรมเรตให้คงที่ที่ 30 fps ตลอดเวลา

เนื่องจากมีปัญหาเรื่องอัตราเฟรมที่ลดลงมาก การเล่นคนเดียวก็ยังมีความไม่นุ่มนวลเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่ผลงานเกมสามก๊กในภาคล่าสุด ทางทีมพัฒนาจำเป็นต้องยอมใจที่จะทำให้แฟนๆโดนใจโดยต้องตัดโหมด Co-op ที่ช่วยกันเล่นสองคนออกไป โดยที่โหมดนี้ถือเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจมาแทบทุกภาค การเลือกทิ้งมันไปจึงทำให้ประสบการณ์การเล่นในโหมดเดี่ยวเพลย์เยอร์มีความสำคัญมากขึ้น ในขณะที่โหมดออนไลน์ก็ไม่ได้มีความน่าสนใจเท่าเดิม ดังนั้น ความสนุกและความคุ้มค่าของเกมนั้นก็ไม่สามารถเทียบเท่ากับผลงานในภาคก่อนๆ ได้เลย