เกมนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เคดาสที่ครั้งหนึ่งเคยเงียบสงบ แต่ตอนนี้กำลังถล่มทลายอย่างแยกแยะโดยภัยจากเหล่าปีศาจที่บุกมาจากมิติอื่น ๆ เหล่านี้กินกลืนสิ่งมีชีวิตและแปลงเป็นสิ่งประหลาด เพื่อจะทำให้เป็นของตนเอง หน้าที่ของ “ไบรอาร์” (Briar) และ “ลูท” (Lute) สองนักรบไคมีร่าคือการต่อสู้เพื่อปกป้องมนุษยชาติ

การเล่นเกมให้ทดลองสัมผัสไม่ว่าใครก็จะนึกถึงระบบการเล่นของ “เดวิลเมย์คราย” องค์ประกอบทุกอย่างเกือบจะคัดลอกแบบสำเนียงอย่างที่คุ้นเคย ตัวละครสามารถกระโดดสองครั้ง หรือพุ่งเดชเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี โจมตีโดยการเสยัดศัตรูในอากาศ หรือเปลี่ยนอาวุธแบบเรียลไทม์เพื่อสร้างความหลากหลาย เช่นการใช้ดาบใหญ่เพื่อซัดต่อไปทะลวง ตามด้วยการยิงธนูจากระยะไกล และการใช้แส้เก็บเศษซาก อาวุธเจ๋งใหม่ที่ปลดล็อคออกมาจะให้ใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเล่นผ่านด่านต่าง ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ตัวละครเอกของเราเป็นนักรบหญิงที่แข็งแกร่งมาก ๆ และมีสองดวงวิญญาณสิงสถิตอยู่ในร่างเดียวกัน นี่ทำให้เกมเพลย์คอมแบทของมันมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร อันดับแรกคือเราสามารถกดปุ่ม O เมื่อมีสัญลักษณ์ไอคอนปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอเพื่อสั่งให้ดวงจิตของน้องสาวยิงกระสุนวิญญาณเพื่อปัดป้องการโจมตีของศัตรูได้ ส่วนใหญ่เราจะชะลอเวลาให้ศัตรูเคลื่อนไหวช้าลงและเปิดช่องว่างให้เราหลบหลีกหรือโจมตีได้ฟรี นอกจากนี้ มุมขวาด้านบนของจอภาพยังมีเกจ “ความสามัคคีกลมเกลียว” (Unity) ปรากฏอยู่ แสดงเป็นรูปไอคอนสองตัวละครที่จะค่อยๆขยับมาแนบชิดกันมากขึ้น โดยถ้าเราทำคอมโบได้ต่อเนื่องลื่นไหลไม่ได้รับแดเมจใดๆ เกจนี้สูงเท่าไหร่ตัวเราก็จะสามารถใช้ท่าโจมตีประสานหรือ Synergy Attack ได้บ่อยมากยิ่งขึ้น และยังมีโอกาสปลดปล่อยระเบิดพลังอัลติเมทขั้นสุดที่จะขออุบไว้พูดถึงในช่วงท้าย

สองพี่น้องตัวเอก เราสามารถเลือกอัปเกรดความสามารถของพวกเขาให้แข็งแกร่งขึ้นได้ทั้งคู่ โดยสายสกิลทรีของพวกเขาถูกแยกแยะอย่างชัดเจนและใช้ทรัพยากรในการอัปเกรดที่แตกต่างกัน เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อรักพี่หรือน้องก่อน ฝั่งสกิลของ “ไบรอาร์” ที่ใช้ก้อนผลึกสีแดงมุ่งเน้นเพิ่มความรุนแรงและปลดล็อคท่วงท่าโจมตีใหม่ให้กับอาวุธแต่ละชนิดเป็นหลัก ในขณะที่สายสกิลของ “ลูท” ที่ใช้ก้อนผลึกสีฟ้ามุ่งเน้นเสริมพลังการยิงเวทย์โจมตี กางโล่ป้องกัน ขยายวงอาณาเขต และสะสมเกจ Unity เพื่อใช้งานท่าโจมตีพิเศษรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเราเห็นว่าทั้งสองสามารถเลือกอัปเกรดได้ตามความต้องการและการใช้งานของเรา เราเองคิดว่าทั้งคู่มีความสำคัญและจำเป็น แต่เราอาจมีแนวโน้มที่จะสนใจในสกิลของน้องสาวร่างวิญญาณมากกว่า เนื่องจากอัปเกรดที่ดีอาจช่วยให้การเล่นของเราสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิมในส่วนนี้บ้าง

การออกแบบมอนสเตอร์ศัตรูในเกมนี้ถือเป็นอย่างดีเนอะ มีทั้งซอมบี้ อสูรสัตว์มีเขี้ยว นักรบใส่เกราะ วิญญาณเหาะบินลอยไปมา และมีการสปีดช้าและเร็วที่ท้าทายเราให้ต้องคิดและปรับตัวเลือกอาวุธอยู่เสมอ แต่ก็มีความรู้สึกว่าบอสใหญ่ๆ ที่เป็นเมนบอสจริงๆ ดูจะมีน้อยลงเล็กน้อย บอสส่วนใหญ่ที่พบมักจะเป็นบอสย้อมแมวหยิบลูกกระจ๊อกมาขยายร่างกายให้ใหญ่โตแทน การปราบมันก็ซ้ำเดิมเหมือนกับการสู้ร่างลูกสมุนปกตินั่นแหละ ถ้าอยากให้มันสนุกและตื่นเต้นจริงๆ ก็ต้องรอหน่อยเจอบอสเมนหลักที่แข็งแกร่งจริงๆ เพื่อนี่ถ้าทีมงานใส่ใจและใช้เวลาในการออกแบบบอสใหญ่ให้มีหลากหลายมากขึ้น มันคงทำให้ความสนุกของผู้เล่นเพิ่มขึ้นอย่างมากกว่านี้

มาถึงระบบไฮไลท์สุดท้ายอย่างการแปลงร่าง ในขณะที่เกมเดวิลเมย์ครายมีระบบ Devil Trigger ที่ให้ดันเต้กลายร่างเป็นปีศาจ ในเกมนี้ตัวละครสาวนักรบของเราก็สามารถกลายร่างได้เช่นเดียวกันด้วยระบบ Rapture โหมดร่างม่วงระเบิดพลังคลุ้มคลั่งที่ทำให้ตัวละครสามารถวาร์ปเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกับโจมตีอย่างแรงระดับหนึ่งโดยไม่สนว่าจะเป็นสีฟ้าหรือสีแดง

โดยหลังจากเพิ่งเปิดตัวในภาคแรก ส่วนใหญ่ของเวลาในช่วงแรกมักจะถูกใช้ไปกับการแนะนำระบบพื้นฐาน โลกและตัวละคร และการสอนการเล่นต่างๆ จนกว่าจะเข้าสู่เนื้อหาแล้วเจอวายร้ายเป็นเมนบอสจริงๆ ซึ่งหากใครสัมผัสแค่ผิวเผินอาจรู้สึกว่ามันเป็นเกมอินดี้ธรรมดาที่พยายามลอกเลียนแบบเกมดัง แต่นั่นคือความคิดที่ผิด เพราะเมื่อให้โอกาสแล้วพบว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นมากๆ แน่นอนว่ามันยังไม่สามารถเทียบเท่ากับแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่อย่าง Devil May Cry, Bayonetta หรือ Nier Automata แต่ถ้าให้โอกาสแล้วพัฒนาไปเรื่อยๆ พร้อมกับการสนับสนุนจากแฟนคลับ และมีทรัพยากรให้ใช้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน เชื่อว่าชื่อของเกม Soulstice จะทำให้ซีรีส์เกมดังๆ ต่างรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นอย่างแน่นอน

ใส่ความเห็น